Inscription and Erasure

Roger Chartier นักประวัติศาสตร์หนังสือและวรรณกรรมแห่งสำนัก Annales ที่ผสมผสานและพัฒนาความคิดจากนักประวัติศาสตร์หนังสือรุ่นก่อนหน้าไปสู่คำอธิบายที่ลึกล้ำและแปลกใหม่สำหรับผู้อ่านอย่างเราอยู่เสมอๆ
ผลงานเรื่อง Inscription and Erasure เป็นรวมข้อเขียนที่ว่าด้วยวัฒนธรรมการเขียนอ่านในโลกตะวันตก ที่ Chartier ศึกษาลงไปยังเครื่องมือ อุปกรณ์ จนถึงรูปแบบในการเผยแพร่
‘หนังสือ’ ในความหมายที่ Chartier กล่าวถึงกินความหมาย 2 นัย นัยแรกคือ Platonic หนังสือที่อยู่เหนือรูปแบบ เป็นหนังสือในเชิงอุดมคติในความหมายของ Borges หรือแม้แต่ Blanchot ที่มีความเป็นนามธรรมความคิด และนัยที่สอง Practical หนังสือในเชิงรูปแบบที่ถูกสร้าง เผยแพร่ และกระจายออกไปสู่สังคมจริงๆ หนังสือเหล่านี้มีรูปแบบที่หลากหลายและอาจแตกต่างกันตามแต่ละห้วงเวลา แต่มันคือพื้นที่หรือปฏิบัติการบนโลกความจริง ซึ่ง Chartier เห็นว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมาก และการมีอยู่ของหนังสือในแบบ Practical นี้เองที่ย้อนกลับไปกำหนดและสถาปนาความเป็นจริงของหนังสือแบบ Platonic ที่พัฒนาไปเป็นแนวคิดหรือไอเดียเรื่องทรัพย์สินของนักเขียน
คุณลักษณะสำคัญทางความคิดที่สังคมเขียนอ่านในโลกตะวันตกมี ซึ่งกล่าวได้ว่า แตกต่างจากตะวันออก คือความกลัวที่ว่า หนังสือในแบบ Practical จะสาบสูญไปอีกครั้ง ดังนั้นเมื่อก้าวสู่ยุคกลางตอนปลาย ความพยายามจะคัดลอก เผยแพร่ตัวบทต่างๆ ทั้งที่มีประโยชน์ไม่มีประโยชน์จึงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยปริยาย คุณลักษณะสำคัญจากความกลัวนี้เองที่ทำให้โลกของหนังสือในโลกตะวันตกวิวัฒนาการไปอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงแต่กระดาษ กระดาษหนัง แต่ก้อนไข หรือสมุดบันทึกในรูปขี้ผึ้ง หรือกระดานชนวนก็เป็นเครื่องมือจดจารและประพันธ์ผลงาน ดังที่เราเห็นได้จากที่ Chartier ได้บอกเล่าถึง Baudri หรือ (Baldric of Dol) กวีนักบวชจากศตวรรษที่ 11 ซึ่งน่าสนใจเป็นอย่างยิ่งว่า นักประวัติศาสตร์หนังสือแบบ Chartier หรือ Petrucci ไม่ได้สนใจแค่เนื้อหา แต่สืบค้นไปถึงความเป็นจริงที่อยู่เบื้องหลังของสมุดขี้ผึ้งที่มีผ้ารอง ว่าผ้าชนิดนั้นเก่าแก่แค่ไหน กระทั่งสามารถเชื่อมโยงกลับไปสู่ร้านขายผ้าที่เก็บหลักฐานการซื้อขายกับพระนักบวชผู้นั้น ที่ชอบซื้อสมุดขี้ผึ้งเป็นของขวัญให้ผู้คนต่างๆ เสมอๆ
โลกของการเขียนอ่านในตะวันตกจึงไม่ได้เกิดขึ้นและดำรงอยู่เพียงสองถึงสามศตวรรษ แต่มันมีปฏิบัติการที่เกิดขึ้นและดำเนินมาอย่างเนิ่นนาน และเคยเกือบจะเรียกได้ว่าถูกลบ ถูกกลบฝังไว้อีกนานร่วมสหัสวรรษ
แม้เราจะพูดว่า เราพยายามจะหนีจากความคิดแบบตะวันตกเป็นศูนย์กลาง แต่การพูดถึงสังคมเขียนอ่านในเชิงรูปแบบหรือนามธรรม เราก็ย่อมหลีกเลี่ยงการคิดแบบตะวันตกไปได้ยาก
Inscription and Erasure คือหนึ่งในผลงานที่บ่งบอกว่า ยังไม่อะไรอีกมากมายในโลกนี้และโลกข้างหน้ามากเกินกว่าหนังสือในโลกที่ผ่านมาจะนึกฝันไปถึง